วิธีฉีดน้ำหอมอย่างถูกต้อง

วิธีฉีดน้ำหอมอย่างถูกต้อง เริ่มจากการฉีด (หรือแตะแต้ม) น้ำหอมกลิ่นโปรดของคุณลงบนข้อมือ แต่อย่าถูมือเข้าด้วยกันเพราะอาจสร้างความรบกวนให้น้ำหอมมีกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไปได้ แค่ฉีดแล้วปล่อยให้น้ำหอมเซ็ตตัวจากนั้น ทาตามจุดชีพจรต่างๆเพียงเล็กน้อย อย่างเช่น บริเวณฐานคอ หลังติ่งหู บริเวณข้อพับแขน ร่องอก ตามแนวไหปลาร้า และบริเวณหลังหัวเข่า (ถ้าคุณใส่ชุดหรือกระโปรงสั้น) อย่าฉีดน้ำหอมลงบนเส้นผมหรือแปรงๆ ผมเด็ดขาด ยกเว้นว่าเส้นผมของคุณจะสะอาดจริงๆ เพราะน้ำมันบนเส้นผมอาจทำให้น้ำหอมมีกลิ่นเปลี่ยนไป “คุณรู้หรือไม่ว่าน้ำหอมนั้นจะเกิดปฏิกิริยาตอบโต้กับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ฉะนั้นอย่าหวังว่าน้ำหอมกลิ่นโปรดของคุณจะส่งกลิ่นเดิมในเวลาที่คุณเครียด มีรอบเดือน หรือตั้งครรภ์ ฯลฯ

โน็ตของน้ำหอม

เมื่อเปิดจุกน้ำหอม จะได้กลิ่นนำ ( TOP NOTE ) เป็นกลิ่นสดชื่น และจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจะได้กลิ่นกลาง ( MIDDLE NOTE ) เมื่อกลิ่นระเหยไปหมด กลิ่นกลางนี้จะเป็นกลิ่นเนื้อแท้ของน้ำหอม และหลังจากนั้นจะได้กลิ่นหลัก ( BASE NOTE ) ซึ่งประกอบด้วยส่วนผสมที่ระเหยยาก เช่น MUSK VANILA SANDALWOOD กลิ่นหลักนี้จะติดทนที่สุด 15 นาทีแรก TOP NOTE 2-4 ชั่วโมง MIDDLE NOTE 4 ชั่วโมงเป็นต้นไป BASE NOTE

ประเภทน้ำหอม

มี 4 ประเภท แบ่งตามสัดส่วนความเข้มข้นของน้ำหอม 1 . PARFUM ( ภาษาฝรั่งเศส ) : หัวเชื้อน้ำหอม 22 % และเอทิแอลกอฮอล์ 78 % 2 . EAU DE TOILLETTE : ( EDT ) หัวเชื้อน้ำหอม 8-15 % 3 . EAU DE COLOGUE : ( EDC ) หัวเชื้อน้ำหอม 4 % 4 . AFTER SHAVE : หัวเชื้อน้ำหอม 1-3 %

วิธีผสมน้ำหอมแบบฉบับบริษัทนีโอฟราแกรนซ์

สูตรที่ 1 : ติดทนนาน 4-5 ชั่วโมงขึ้นไป ต้นทุนน้ำหอมประมาณ ซีซีละ 70-90 สตางค์   สูตรที่ 2 : ติดทนนาน 6-7 ชั่วโมงขึ้นไป ต้นทุนน้ำหอมประมาณ 90 สตางค์ -1.50 บาท   สูตรที่ 3 : ติดทนนาน 8 ชั่วโมงขึ้นไป ต้นทุนน้ำหอมประมาณ 1.50 – 2 บาท   หมายเหตุ ทั้งนี้การติดทนของน้ำหอมขึ้นอยู่กับโทนเบสของน้ำหอม เช่น แนว Wood, หวาน ทำให้กลับติดทนมาก หรือ แนว ฟรุตตี้, ผลไม้, เปรี้ยว, Ocean เป็นกลิ่นที่ติดทนน้อยกว่า